ทุกวันนี้คิวอาร์โค้ดกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของการทำการตลาดและการจัดโปรโมชั่นในแบบต่างๆ คิวอาร์โค้ดสามารถรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์สิ่งพิมพ์ได้ทุกประเภท ที่Gogoprintเราจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์มากมายให้คุณเลือกพิมพ์คิวอาร์โค้ดลงไปบนสินค้าชนิดต่างๆ เช่น นามบัตร, ใบปลิว, แผ่นพับ, โปสเตอร์ , สติ๊กเกอร์ and many more!
อย่างไรก็ตามการพิมพ์คิวอาร์โค้ดจำเป็นต้องมีการตั้งค่าเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่ารหัสนั้นใช้ได้กับลูกค้าของคุณ คิวอาร์โค้ดที่สแกนไม่ได้คือสิ่งที่คุณไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นในแคมเปญการตลาดอย่างแน่นอน ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อต้องการพิมพ์อาร์โค้ดเพื่อให้คุณสามารถมีคิวอาร์โค้ดที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถสแกนให้กับลูกค้าของคุณได้อย่างราบรื่น ไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมกันเลย! :)
สิ่งที่ต้องทำ
1. ตั้งค่าขนาดให้เหมาะสม
Jเช่นเดียวกับขนาดตัวอักษร รหัสคิวอาร์โค้ดต้องมีขนาดที่เหมาะสมจึงจะ "สามารถอ่านได้" อย่าลืมออกแบบให้รหัสคิวอาร์โค้ดของคุณโดดเด่นเพื่อให้ลูกค้าสังเกตเห็นด้วยละ นอกจากนี้คิวอาร์โค้ดที่มีขนาดเล็กมักจะไม่สามารถสแกนได้เมื่อถูกพิมพ์บนสื่อขนาดเล็ก เช่น นามบัตร คิวอาร์โค้ดที่เล็กที่สุดจะมีขนาดประมาณ 1.5 ซม. x 1.5 ซม.
หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องขนาด คุณสามารถทดสอบสแกนคิวอาร์โค้ดของคุณลงบนขนาดการพิมพ์จริงเพื่อดูว่ามันสามารถสแกนผ่านหรือไม่ มิฉะนั้นคุณสามารถเลือกใช้คิวอาร์โค้ดที่ใหญ่กว่าเพื่อหลีกเหลี่ยงการสแกนไม่สำเร็จได้
2. ใช้วัสดุที่เหมาะสม
หากคุณกำลังจะพิมพ์ข้อความพร้อมกับมีคิวอาร์โค้ดอยู่ด้วยคุณต้องพิจารณาถึงวัสดุในการพิมพ์อย่างมากเนื่องจากสิ่งนี้มีความสำคัญมาก คิวอาร์โค้ดแทบจะสแกนไม่ได้กับวัสดุที่มีการสะท้อนหรือความโปร่งใสสูง ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่แนะนำให้ใช้สปอตวานิช เคลือบเงา นามบัตรโปร่งใส สติ๊กเกอร์สีเงิน และวัสดุอื่นๆเมื่อต้องการพิมพ์คิวอาร์โค้ด โปรดพิจารณาถึงปัจจัยเหล่านี้เมื่อเลือกวัสดุในการพิมพ์และอย่าลืมทดสอบสแกนรหัสคิวอาร์โค้ดของคุณเมื่อมีโอกาส
3. สร้างความน่าสนใจในการสแกน
การแปะคิวอาร์โค้ดแบบโดดบนงานออกแบบอาจไม่ใช่ความคิดที่ดี ฉะนั้นเราต้องสร้างความสนใจต่อลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายโดยกระตุ้นให้พวกเขาสแกนคิวอาร์โค้ดของคุณ ตัวอย่างเช่น การเพิ่มวลีอย่าง "สแกนเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม" ลงบนงานออกแบบจะทำให้ผู้ใช้อยากที่จะสแกนคิวอาร์โค้ดมากขึ้นกว่าคิวอาร์โค้ดที่ดูว่างเปล่า
4. ตรวจสอบลิงก์ของคุณ
เมื่อใดก็ตามที่คุณสร้างคิวอาร์โค้ดอย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าลิงก์นั้นถูกต้องหรือเป็นลิงก์ปัจจุบันที่คุณต้องการนำลูกค้าไปยังข้อมูลที่ต้องการนำเสนอ ซึ่งแน่นอนว่าคุณไม่อยากให้ลูกค้าสแกนคิวอาร์โค้ดของคุณแล้วพบกับเนื้อหาที่ล้าสมัยหรือเป็นลิงก์ที่เสียอย่างแน่นอน
สิ่งที่ไม่ควรทำ
1. การออกแบบที่มากเกินไป
แม้ว่าการสร้างสรรค์คิวอาร์โค้ดจะเป็นสิ่งที่ดีแต่ระวังอย่าปรับแต่งคิวอาร์โค้ดของคุณมากจนเกินไปจนไม่สามารถจดจำได้ เช่น สีไม่ควรสว่างเกินไปและควรหลีกเลี่ยงการเพิ่มองค์ประกอบลงในคิวอาร์โค้ดที่มากเกินความจำเป็น กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือคิวอาร์โค้ดที่คุณออกแบบควรยังคงรูปร่างเหมือนคิวอาร์โค้ดเดิมเนื่องจากการออกแบบที่ซับซ้อนนั้นยากต่อการตรวจจับโดยการสแกน
2. การเพิ่มคิวอาร์โค้ดที่ใกล้กันเกินไป
โปรดระวังไว้ว่าการเพิ่มคิวอาร์โค้ดที่กันใกล้กันมากเกินไปอาจทำให้แอปสแกนสับสนซึ่งอาจทำให้คนสแกนคิวอาร์โค้ดผิดได้ หากคุณต้องการมีคิวอาร์โค้ดหลายอันในงานออกแบบอย่าลืมวางคิวอาร์โค้ดให้ห่างจากกันสักสักนิดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการสแกน
3. ใช้รูปภาพคุณภาพต่ำ
ดังที่เราได้กล่าวไว้ในบทความ วิธีตรวจสอบงานออกแบบการใช้รูปภาพความละเอียดต่ำเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเช่นเดียวกับคิวอาร์โค้ด เราควรหลีกเลี่ยงการใช้คิวอาร์โค้ดที่เบลอดังนั้นควรจะเพิ่มคิวอาร์โค้ดที่ชัดเจนลงในสื่อต่างๆ ถึงแม้ว่าไฟล์แรสเตอร์ความละเอียดสูง เช่น JPEG หรือ PNG จะทำงานได้ดีอยู่แล้วแต่มันจะดียิ่งขึ้นไปอีกหากคุณเลือกใช้ไฟล์เวกเตอร์ เมื่อต้องการพิมพ์คิวอาร์โค้ด ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลกับคุณภาพของภาพเลย สุดท้ายแล้วคิวอาร์โค้ดที่คมชัดไม่เพียงแต่ทำให้สแกนได้ง่ายแต่ยังทำให้งานพิมพ์ของคุณมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นด้วย!
4. ลืมทดสอบสแกนคิวอาร์โค้ด
สุดท้ายอย่าลืมทดสอบคิวอาร์โค้ดเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว! วิธีที่ง่ายที่สุดในการทดสอบการสแกนคือการพิมพ์คิวอาร์โค้ดขนาดจริงผ่านเครื่องพิมพ์ในสำนักงานของคุณ คุณสามารถขอหลักฐานจากเครื่องพิมพ์เพื่อทดสอบการสแกนคิวอาร์โค้ดได้เช่นกันซึ่งหากการสแกนสำเร็จนั้นก็หมายถึงว่าคิวอาร์โค้ดนี้พร้อมใช้งานแล้วนั้นเอง!
สรุป
เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเกี่ยวกับการพิมพ์คิวอาร์โค้ด คุณสามารถมั่นใจได้ว่าเมื่อสั่งพิมพ์กับGogoprint คิวอาร์โค้ดของคุณจะดูเป็นมืออาชีพอย่างมากด้วย สื่อสิ่งพิมพ์ที่หลากหลายของเรา คุณสามารถพิมพ์คิวอาร์โค้ดของคุณลงบนสินค้าอะไรก็ได้ที่เรามี! และหากคุณยังมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเตรียมงานออกแบบของคุณ สามารถติดต่อบริษัทโดยตรงหรืออ่านบล็อกของเราเกี่ยวกับวิธีการตรวจสอบการเตรียมงานออกแบบได้ที่นี่